เปรียบเทียบผู้ให้บริการสถานีชาร์จรถไฟฟ้ายอดนิยมในไทย
เปรียบเทียบ 5 ผู้ให้บริการสถานีชาร์จรถไฟฟ้า ปี 2025
22-09-2024 ปวีณา บัวเขียว
18,298    5 นาที
:

เปรียบเทียบผู้ให้บริการสถานีชาร์จรถไฟฟ้ายอดนิยมในไทย ปี 2025

ในปี 2025 รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งจากราคาน้ำมันที่ยังผันผวนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ เช่น ส่วนลดภาษี การสร้างโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จ และการผลักดันให้เกิดการใช้พลังงานสะอาดอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งแน่นอนว่า "จุดชาร์จรถไฟฟ้า" ก็เป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญที่ผู้ใช้รถ EV ทั้งหน้าใหม่และมือโปรต้องให้ความสำคัญ

สำหรับใครที่กำลังวางแผนจะเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า แต่ยังไม่แน่ใจว่าจุดชาร์จในไทยมีเพียงพอหรือไม่ หรือยังไม่คุ้นเคยกับการใช้งานสถานีชาร์จเหมือนเวลาขับรถเข้า ปั๊มน้ำมัน วันนี้ Exclusive Car Rental ได้รวบรวมข้อมูลผู้ให้บริการสถานีชาร์จรถไฟฟ้ายอดนิยมในไทยปี 2025 พร้อมพิกัด แอปฯ ที่ใช้ และข้อดี-ข้อสังเกตของแต่ละเจ้า มาให้คุณได้เตรียมตัววางแผนการเดินทางล่วงหน้าโดยไม่ต้องกังวล

 

ตารางเปรียบเทียบ 5 ผู้ให้บริการสถานีชาร์จรถไฟฟ้ายอดนิยมในไทยปี 2025

บริษัท

สถานีชาร์จไฟฟ้ากี่แห่ง

ราคา/หน่วย

EA Anywhere

จำนวน 494 สถานีทั่วไทย

ค่าบริการเริ่มต้น 6.76 บาท/หน่วย  *ยกเว้นอัตราค่าบริการในบางพื้นที่ อ้างอิงตามต้นทุนค่าไฟ ของการไฟฟ้า*
อ้างอิงจาก:
https://www.eaanywhere.com/

MG Charging Station

จำนวน 150 กว่าแห่ง

  • ช่วง Off Peak : วันจันทร์ – วันศุกร์ ระหว่างเวลา 22.00 – 08.00 น. และวันเสาร์ – วันอาทิตย์ (24 ชั่วโมง) ค่าบริการอยู่ที่ 6.50 บาทต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง
  • ช่วง On Peak : วันจันทร์ – วันศุกร์ ระหว่างเวลา 08.00 – 22.00 น. ค่าบริการอยู่ที่ 7.50 บาทต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง
    อ้างอิงจาก:
    https://www.mgcars.com/th/innovation/ev/charging-station

PTTOR EV Station PluZ

จำนวน 955 แห่ง      

ค่าบริการ ประกอบด้วย ค่าชาร์จ และค่าจองชาร์จล่วงหน้า (สำหรับลูกค้าที่ต้องการเข้าชาร์จตามช่วงเวลาที่กำหนด) - ค่าชาร์จ คำนวณตามปริมาณการชาร์จไฟจริง โดยกำหนดราคาตามช่วงเวลาการใช้งาน (TOU) : ช่วง Peak ราคา 7.7 บาทต่อหน่วย สำหรับ วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 09.00-22.00 น. /ช่วง Off-Peak 6.0 บาทต่อหน่วย สำหรับ วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 22.00-09.00 น. , เวลา 00.00 น. – 24.00 น. วันเสาร์ - อาทิตย์ วันแรงงานแห่งชาติ วันพืชมงคลที่ตรงกับวันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดราชการตามปกติ (ไม่รวมวันหยุดชดเชย และวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษตามมติคณะรัฐมนตรี) [หมายเหตุ: 1. ราคาดังกล่าว ยกเว้นในบางพื้นที่เชิงพาณิชย์ 2. กรณีเริ่มชาร์จก่อนเวลา 09:00 น. 15 ม.ค. 66 ที่เปลี่ยนราคา และชาร์จต่อเนื่องข้ามไปถึงช่วงที่ปรับราคา ระบบจะคิดอัตราค่าบริการตอนที่เริ่มกดชาร์จในแอปพลิเคชัน] - ค่าจองเวลาชาร์จล่วงหน้า 20 บาท ต่อช่วงเวลา: ลูกค้าสามารถเลือกจองเวลาชาร์จก่อนล่วงหน้า และเข้าชาร์จภายใน 5 นาทีแรกของรอบเวลาที่จอง / หากลูกค้าเข้าใช้บริการภายในรอบเวลาที่จองและในหัวชาร์จที่จองไว้ ระบบจะคืนค่าจองเป็นส่วนลดค่าชาร์จในรอบการจองนั้น / หากลูกค้าเข้าใช้บริการเกิน 5 นาทีแรก ของรอบเวลาที่จอง ระบบจะปลดล๊อครายการจองในรอบเวลานั้น และมอบสิทธิให้กับลูกค้า Walk in แทน (หมายเหตุ: 1. ลูกค้าที่จองยังคงสามารถเข้าชาร์จในรอบเวลานั้นได้ ในฐานะลูกค้า Walk in ตามคิว โดยระบบจะยังคงคืนค่าจองเป็นส่วนลดค่าชาร์จในรอบการชาร์จนั้น 2. หากลูกค้าไม่มีการเข้าใช้บริการในรอบเวลาที่จองไว้ โออาร์ขอสงวนสิทธิ์ในการคืนค่าจองที่มีการทำรายการมาล่วงหน้า 3. หากรายการค่าชาร์จของรอบเวลาที่จองไว้ต่ำกว่าค่าจอง บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์การคืนเงินคงเหลือของค่าจอง)
อ้างอิงจาก:
https://evstationpluz.pttor.com/

PEA VOLTA Charging Station

 จำนวน 417 กว่าสถานี

 

อัตราค่าประจุไฟฟา ล่าสุด
สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า PEA VOLTA ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้ประกาศอัตราค่าอัดประจุไฟฟ้า มีผลตั้งแต่วันที่ 12 ม.ค. 2567 ที่ผ่านมา โดยมีรายละเอียดดังนี้

- เครื่องอัดประจุไฟฟ้าขนาด 25 kW ช่วงเวลาการใช้ Peak วันจันทร์-ศุกร์ 09.00-22.00 น. ราคา 6.90 บาทต่อหน่วย ช่วง Off Peak วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 22.00-09.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ วันหยุดตามราชการตามปกติ ตลอด 24 ชั่วโมง ราคา 5.30 บาทต่อหน่วย

- เครื่องอัดประจุไฟฟ้าขนาด 50 kW ช่วง Peak ราคา 7.40 บาทต่อหน่วย ช่วง Off Peak ราคา 5.70 บาทต่อหน่วย

- เครื่องอัดประจุไฟฟ้าขนาด 120 kW ช่วง Peak ราคา 7.50 บาทต่อหน่วย ช่วง Off Peak ราคา 5.80 บาทต่อหน่วย

- เครื่องอัดประจุไฟฟ้าขนาด 300 kW และ 360 kW ช่วง Peak ราคา 8.80 บาทต่อหน่วย ช่วง Off Peak ราคา 6.60 บาทต่อหน่วย

โดยราคาดังกล่าวรวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ช่วงเวลา TOU เป็นไปตามประกาศการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EA

สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EA Anywhere ของบริษัท พลังงานมหานคร จำกัด บริษัทย่อยของบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ประกาศปรับอัตราค่าบริการ DC Chargerโดยมีราคาเริ่มต้น 7.29 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2567 ที่ผ่านมา ตามมติคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานที่มีการปรับเพิ่มค่า Ft จาก 0.2048 บาท เป็น 0.8955 บาท

อ้างอิงจาก: https://www.pea.co.th

Evolt

 

จำนวน 300 กว่าแห่ง

EVOLT. ค่าบริการ : 8 บาท/หน่วย กำลังไฟสูงสุด : 150kW. (ทั้งนี้ค่าบริการของแต่ละสถานีจะไม่เท่ากัน สามารถตรวจสอบค่าบริการเพิ่มเติมได้ที่แอปพลิเคชัน Evolt)

อ้างอิงจาก: https://evolt.co.th/th/

*ข้อมูลอาจมีการปลี่ยนแปลง

 

5 บริษัทสถานีชาร์จรถไฟฟ้า
 

1. EA Anywhere – ผู้นำด้านสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ปี 2025

ในปี 2025 นี้ EA Anywhere ยังคงครองตำแหน่งผู้นำด้านสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ด้วยการพัฒนาโครงข่ายสถานีชาร์จอย่างต่อเนื่อง ทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ เพื่อรองรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และรถปลั๊กอินไฮบริด (PHEV)

ล่าสุดในไตรมาสแรกของปี 2025 EA Anywhere มีสถานีชาร์จแล้วมากกว่า 550 แห่ง ครอบคลุมทั่วประเทศ และมี จำนวนหัวชาร์จรวมกว่า 2,800 จุด ซึ่งประกอบด้วยทั้งระบบ Normal Charge (AC Charger) และ Ultra-Fast Charge (DC Charger) ที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางไกล

 รองรับทั้ง BEV และ PHEV ตามมาตรฐานไทย

สถานีชาร์จของ EA Anywhere รองรับรถยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท ทั้งแบบ Battery Electric Vehicle (BEV) และ Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV) โดยใช้ ปลั๊กประเภท Type 2 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้กันทั่วไปในประเทศไทย ช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่าไม่ว่าจะใช้รถแบรนด์ไหน ก็สามารถชาร์จได้อย่างสะดวกและปลอดภัย

แอป EA Anywhere – ช่วยคุณหาและนำทางไปยังสถานีชาร์จใกล้บ้าน

ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน EA Anywhere ได้ฟรีทั้งบนระบบ iOS (App Store) และ Android (Google Play) เพื่อค้นหาสถานีชาร์จที่ใกล้ที่สุด ตรวจสอบสถานะหัวชาร์จแบบเรียลไทม์ จองคิวล่วงหน้า และชำระเงินได้ในแอปเดียว สะดวก รวดเร็ว และใช้งานง่าย

 เครื่องชาร์จ EV ของ EA Anywhere – อัปเกรดเทคโนโลยีเพื่ออนาคต

เครื่องอัดประจุไฟฟ้าของ EA Anywhere ในปี 2025 มาพร้อมนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานทุกสถานการณ์:

 AC Charger แบบ 3 เฟส

  • ชาร์จเร็วขึ้นกว่าระบบเฟสเดียวทั่วไป
  • เหมาะสำหรับการติดตั้งในพื้นที่จำกัด เช่น ที่พักอาศัย คอนโด หรืออาคารสำนักงาน
  • ลงทุนต่ำ ประหยัดพื้นที่ และปลอดภัยสูง

 คุณสมบัติเด่นของเครื่องชาร์จ EA:

  • ออกแบบให้ทนทานต่อสภาพอากาศสุดขั้ว ตั้งแต่ -30°C ถึง 55°C
  • ใช้ชิ้นส่วนอุตสาหกรรมที่มีอายุการใช้งานยาวนานถึง 15 ปี
  • ใช้พลังงานเพียง 3 วัตต์ เมื่อไม่ได้ใช้งาน ประหยัดไฟกว่าเครื่องทั่วไปถึง 2 เท่า
  • รองรับโปรโตคอลสื่อสาร EU รุ่นใหม่ล่าสุด
  • ระบบป้องกันไฟรั่ว กระแทก และการเอียงเกิน 30 องศา พร้อมรายงานปัญหาอัตโนมัติ
  • ได้มาตรฐาน IP65 ป้องกันฝุ่น น้ำ แสงแดด และ UV เหมาะกับการติดตั้งทั้งในร่มและกลางแจ้ง

 ดีไซน์กะทัดรัด ใช้งานง่าย สื่อถึงคุณภาพ

  • เครื่องชาร์จของ EA มีขนาดเท่ากระดาษ A4
  • ตัวเครื่องหุ้มด้วยโลหะและกระจกกันความร้อน ดีไซน์เรียบหรู ดูทันสมัย
  • ระบบอัจฉริยะ เชื่อมต่อกับแอป EA Anywhere ควบคุมได้ผ่านมือถือทุกฟังก์ชัน

สรุป: EA Anywhere คือทางเลือกอันดับหนึ่งของคนใช้ EV ในไทย ปี 2025

ด้วยเครือข่ายสถานีชาร์จที่ครอบคลุม ความมั่นคงด้านเทคโนโลยี และบริการผ่านแอปที่ใช้งานง่าย EA Anywhere จึงเป็นอีกหนึ่งผู้ให้บริการที่ผู้ใช้รถไฟฟ้าในไทยเลือกใช้มากที่สุดในปี 2025 ทั้งในชีวิตประจำวันและการเดินทางไกล

 

2. MG Charging Station – ผู้นำด้านสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ MG ปี 2025

ในปี 2025 นี้ MG ยังคงเดินหน้าสร้างระบบนิเวศรถยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) อย่างครบวงจร ผ่านการขยายเครือข่ายสถานีชาร์จของตัวเองภายใต้ชื่อ MG Super Charge เพื่อรองรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า MG ทั่วประเทศไทย โดยมีเป้าหมายชัดเจนในการติดตั้ง สถานีชาร์จเร็ว (DC Charger) ทุกระยะทาง 150 กิโลเมตร เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเดินทางข้ามจังหวัดได้อย่างมั่นใจและต่อเนื่อง

 อัปเดตจำนวนสถานี MG Super Charge ปี 2025

ในปัจจุบัน (ปี 2025) MG มีสถานีชาร์จที่เปิดให้บริการแล้วมากกว่า 150 แห่งทั่วประเทศ โดยส่วนใหญ่เป็นสถานีแบบ DC Fast Charging ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเครือข่าย MG Super Charge ที่เน้นการให้บริการที่รวดเร็ว และเข้าถึงได้ง่ายทั้งในเมืองและนอกเมือง

  •  ชาร์จเร็วด้วยหัวชาร์จ CCS Combo 2 ตามมาตรฐานยุโรป
  •  รองรับการชาร์จจาก 0-80% ภายในเวลาเฉลี่ยเพียง 30-40 นาที
  •  ตั้งอยู่ในโชว์รูม MG, ห้างสรรพสินค้า, ปั๊มน้ำมัน และจุดพักรถทั่วไทย

ใช้งานง่ายผ่านแอป i-SMART Charging

ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า MG สามารถค้นหาสถานีใกล้เคียง จองหัวชาร์จ และควบคุมการชาร์จได้ทั้งหมดผ่านแอป MG i-SMART Charging ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้บนทั้งระบบ iOS และ Android โดยต้องลงทะเบียนเพื่อใช้งานครั้งแรก ใช้งานง่ายและปลอดภัย

 MG: ผู้นำด้านสถานี DC Charging ในไทย

MG ยังคงครองตำแหน่ง ผู้จำหน่ายรถยนต์ที่มีจำนวนสถานีชาร์จ DC เป็นของตัวเองมากที่สุดในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2022 จนถึงปัจจุบัน พร้อมทั้งเป็นแบรนด์ที่วางแผนการขยายอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2025 ได้เริ่มติดตั้งสถานี MG Super Charge เวอร์ชันใหม่ ที่มีขนาดเล็กลง ประหยัดพลังงานมากขึ้น และติดตั้งได้แม้ในพื้นที่จำกัด เช่น ร้านกาแฟ พื้นที่จอดรถในคอนโด และสำนักงานต่าง ๆ

 ความพิเศษของ MG Super Charge เวอร์ชัน 2025

  •  แรงดันไฟสูงสุดรองรับได้ถึง 180kW สำหรับรถรุ่นใหม่ที่รองรับการชาร์จเร็วพิเศษ
  •  ออกแบบระบบระบายความร้อนให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย
  •  ระบบป้องกันความปลอดภัยระดับสูง พร้อมตรวจสอบสถานะเรียลไทม์
  •  ประหยัดพลังงานมากขึ้น 20% และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

ครอบคลุมทุกการเดินทางของผู้ใช้รถ MG

ไม่ว่าคุณจะขับ MG4 Electric, MG ZS EV, หรือรุ่นใหม่อย่าง MG Cyberster ปี 2025 คุณสามารถใช้งานสถานี MG Super Charge ได้อย่างมั่นใจ และในอนาคต MG มีแผนจะเชื่อมโยงแอปของตนกับเครือข่ายสถานีชาร์จอื่น ๆ เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้งานแบบ “One App” ครอบคลุมทั่วประเทศ

สรุป: MG Super Charge – หนึ่งในเครือข่ายชาร์จที่เติบโตเร็วที่สุดของปี 2025

ด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน โครงสร้างพื้นฐานที่ครอบคลุม และความมุ่งมั่นในพลังงานสะอาด MG Super Charge คืออีกหนึ่งทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย โดยเฉพาะผู้ใช้รถ MG ที่ต้องการความอุ่นใจในทุกการเดินทาง

 

3. PTTOR EV Station PluZ – ปลั๊กอินความสุข เติมเต็มพลังให้ทุกการเดินทาง ปี 2025

ในปี 2025 นี้ PTTOR EV Station PluZ ยังคงเป็นผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานของสถานีชาร์จไฟฟ้าในประเทศไทย โดยมีจุดแข็งที่โดดเด่นคือ ความครอบคลุมทั่วประเทศ การใช้งานที่สะดวกสบาย และการรองรับรถยนต์ไฟฟ้าทุกยี่ห้อ ทั้งแบตเตอรี่แบบ AC และ DC

จากจุดเริ่มต้นในปี 2561 ด้วยการให้บริการสถานีชาร์จแบบ Normal Charge กำลังไฟ 7.4 kW วันนี้ EV Station PluZ ได้ขยายเครือข่ายสถานีชาร์จไปแล้วมากกว่า 650 แห่งทั่วประเทศ (อัปเดตล่าสุดปี 2025) พร้อมด้วยเครื่องชาร์จรุ่นใหม่ที่ชาร์จได้เร็วขึ้น ปลอดภัยขึ้น และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

 เทคโนโลยีการชาร์จที่รองรับการใช้งานทุกรูปแบบ

EV Station PluZ ให้บริการทั้ง Normal Charge และ Quick Charge เพื่อรองรับผู้ใช้งานทั้งในชีวิตประจำวันและการเดินทางระยะไกล โดยมีเทคโนโลยีการชาร์จหลากหลายรูปแบบ ได้แก่:

  •  AC Type 2 (7.4–22 kW) – เหมาะสำหรับการชาร์จตามบ้านหรือชาร์จระหว่างทำกิจกรรม
  •  DC CCS Combo 2 (50–160 kW) – สำหรับการชาร์จเร็ว รองรับรถ EV ยุโรปและจีน
  •  DC CHAdeMO (50 kW) – รองรับรถ EV สายญี่ปุ่น เช่น Nissan LEAF

ทั้งนี้ เครื่องชาร์จรุ่นใหม่ล่าสุดในปี 2025 ยังสามารถรองรับกำลังไฟสูงสุด ถึง 200 kW สำหรับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ชาร์จเร็วระดับ Ultra-Fast Charging

ครอบคลุมทุกพื้นที่ ตั้งแต่ในเมืองถึงหัวเมืองใหญ่

ในปัจจุบัน PTTOR ได้ติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้า EV Station PluZ มากกว่า 650 สถานี ทั่วประเทศ โดยมีจุดเด่นคือ:

  •  ติดตั้งภายในสถานีบริการน้ำมัน PTT สาขาหลักทั่วประเทศ
  •  รองรับเส้นทางสายหลัก สายรอง และแหล่งท่องเที่ยว
  •  มีจุดชาร์จในพื้นที่เชิงพาณิชย์ เช่น ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ และอาคารสำนักงาน

เครือข่ายนี้ช่วยให้ผู้ขับขี่ EV สามารถเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังเชียงใหม่ ภูเก็ต อุบลฯ หรือระยองได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตหมดกลางทาง

 EV Station PluZ App – ชาร์จง่าย จ่ายสะดวก

ผู้ใช้รถ EV สามารถใช้งานสถานีผ่านแอปพลิเคชัน EV Station PluZ ที่ออกแบบมาให้รองรับทุกขั้นตอน:

  • ค้นหาสถานีใกล้ตัวแบบเรียลไทม์
  • จองหัวชาร์จล่วงหน้า
  • เริ่ม/หยุดการชาร์จจากมือถือ
  • ตรวจสอบสถานะการชาร์จ
  • ชำระเงินผ่านแอปได้ทันที

แอปนี้พร้อมให้ดาวน์โหลดฟรีบน iOS และ Android พร้อมอัปเดตล่าสุดในปี 2025 ที่เพิ่มฟีเจอร์แสดงคิวและเวลารอแบบเรียลไทม์

 เพื่อสิ่งแวดล้อมและอนาคตที่ยั่งยืน

หนึ่งในพันธกิจของ EV Station PluZ คือการช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด ด้วยสถานีชาร์จที่ออกแบบให้ประหยัดพลังงาน มีระบบ Solar Rooftop เสริมพลังงานในบางสาขา และยังพัฒนาไปสู่ Green EV Station ซึ่งใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ในบางพื้นที่แล้ว

จุดเด่นของ EV Station PluZ ปี 2025

  •  มีสถานีชาร์จมากกว่า 650 แห่งทั่วประเทศ
  •  รองรับหัวชาร์จทั้ง AC / DC และทุกมาตรฐาน
  •  มีแอปพลิเคชันที่ใช้งานง่าย ครบทุกฟังก์ชัน
  •  ตั้งอยู่ในจุดที่ผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้สะดวกที่สุด เช่น ปั๊มน้ำมัน PTT
  •  ระบบชาร์จเร็วรุ่นใหม่ รองรับสูงสุดถึง 200 kW
  •  เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยแผนพัฒนา Green EV Station อย่างต่อเนื่อง
  • โทร: 02-0619519
  • เว็บไซต์ :https://evstationpluz.pttor.com/#contact

 

4. PEA VOLTA Charging Station – สถานีชาร์จพลังแห่งอนาคตจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ปี 2025

ในปี 2025 นี้ PEA VOLTA ยังคงเป็นหนึ่งในผู้นำด้านโครงข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถ EV ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้ทั่วประเทศ ด้วยพันธกิจของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ที่ต้องการผลักดันให้เกิดการใช้พลังงานสะอาด ลดการปล่อยคาร์บอน และสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าทั้งในเมืองและพื้นที่ต่างจังหวัด

 ครอบคลุมแล้วกว่า 400+ สถานีทั่วประเทศ

PEA VOLTA เดินหน้าตามแผนอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน (อัปเดตปี 2025) มีสถานีชาร์จที่เปิดให้บริการแล้ว มากกว่า 420 แห่งทั่วประเทศ โดยกระจายตัวทั้งในตัวเมืองและพื้นที่ห่างไกล ครอบคลุมสถานีการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค, หน่วยงานรัฐ, จุดพักรถ และจุดท่องเที่ยวสำคัญ

จุดแข็งคือ การชาร์จได้ทั้งแบบ AC และ DC พร้อมรองรับรถยนต์ไฟฟ้าทุกยี่ห้อที่ใช้งานในประเทศไทย ผ่านหัวชาร์จมาตรฐาน 3 รูปแบบ ได้แก่:

  •  AC Type 2
  •  DC CCS Combo 2
  •  DC CHAdeMO

 PEA VOLTA แอปเดียว จบทุกขั้นตอนการชาร์จ

แอปพลิเคชัน PEA VOLTA ได้รับการอัปเกรดในปี 2025 เพื่อให้ตอบโจทย์ผู้ใช้ยุคใหม่มากขึ้น โดยรวมฟีเจอร์ครบจบในที่เดียว:

  •  ค้นหาสถานีชาร์จใกล้คุณแบบเรียลไทม์
  •  นำทางไปยังสถานีชาร์จ
  • เริ่มต้น–หยุดการชาร์จได้จากมือถือ
  •  เติมเงินแบบ Prepaid และชำระค่าชาร์จได้ทันที
  •  ตรวจสอบประวัติการใช้งานย้อนหลังได้
  •  แสดงเวลาคิว หรือจำนวนคันที่กำลังใช้งาน

PEA ยังพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ที่ชื่อว่า “Smart Charge Scheduler” ที่ช่วยให้ผู้ใช้ตั้งเวลาการชาร์จล่วงหน้าในช่วง Off-Peak ได้ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและหลีกเลี่ยงช่วงที่สถานีแออัด

 คิดค่าไฟโปร่งใส ควบคุมค่าใช้จ่ายได้

การใช้งานสถานีชาร์จของ PEA VOLTA นอกจากจะสะดวกแล้ว ยังมีการ คำนวณค่าไฟฟ้าแบบโปร่งใสตามช่วงเวลาใช้งาน เช่น:

  • ถ้าชาร์จรถที่มีแบตเตอรี่ขนาด 50 kWh:
    • ช่วงพีค (Peak) ค่าไฟ = 7.5489 บาท/หน่วย → ประมาณ 377.45 บาท
    • ช่วงออฟพีค (Off-Peak) ค่าไฟ = 4.1663 บาท/หน่วย → ประมาณ 208.31 บาท

ผู้ใช้งานสามารถวางแผนการชาร์จเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายได้ทันทีผ่านแอป

เชื่อมต่อกับ Digital Platform "PEA VOLTA Platform"

เพื่อยกระดับการให้บริการให้ก้าวไปอีกขั้น PEA ได้พัฒนา PEA VOLTA Platform ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลแบบครบวงจรที่เชื่อมโยงทุกอย่างเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น:

  • ผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า
  • ผู้ให้บริการสถานีชาร์จ
  • ระบบจ่ายเงิน
  • การวางแผนขยายเครือข่าย

แพลตฟอร์มนี้รองรับอนาคตของ Smart Grid และ EV Ecosystem โดยเฉพาะการทำงานร่วมกับระบบพลังงานหมุนเวียน เช่น Solar Rooftop ที่บางสถานีเริ่มติดตั้งแล้วในปี 2025

สร้างสังคมพลังงานสะอาด เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน

หนึ่งในเป้าหมายของ PEA VOLTA คือการส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่ต่างจังหวัดสามารถเข้าถึงสถานีชาร์จได้ง่าย ไม่จำกัดเฉพาะในเมืองใหญ่ และยังเน้นการสร้างเครือข่ายที่ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยมีการติดตั้งสถานีในเขตท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เพื่อรองรับรถ EV ที่ต้องการขับเที่ยวแบบไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

จุดเด่นของ PEA VOLTA Charging Station ปี 2025

  •  มีสถานีชาร์จ มากกว่า 420 แห่งทั่วประเทศ
  • รองรับหัวชาร์จ AC-Type 2 / DC CCS Combo 2 / DC CHAdeMO
  •  คิดค่าชาร์จตามอัตราไฟฟ้า แสดงราคาอย่างโปร่งใส
  • แอป PEA VOLTA ใช้งานง่าย จ่ายเงิน–สั่งชาร์จ–เช็กสถานีในแอปเดียว
  • มีแพลตฟอร์ม PEA VOLTA Digital เชื่อมโยงการจัดการระบบแบบครบวงจร
  •  เหมาะทั้งผู้ใช้ทั่วไป และผู้ประกอบการที่ต้องการให้บริการชาร์จ
  • โทร: 1129 PEA Contact Center
  • เว็บไซต์ :https://www.pea.co.th/

 

5. EVOLT – สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตเร็วที่สุดในไทย ปี 2025

ในปี 2025 นี้ EVOLT ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่มีบทบาทสำคัญในตลาดไทย ด้วยจุดเด่นเรื่องความหลากหลายของสถานที่ตั้ง ความครอบคลุมในเขตเมือง-หัวเมืองใหญ่ และระบบจัดการผ่านแอปพลิเคชันที่ทันสมัย ใช้งานง่าย พร้อมรองรับการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในประเทศไทย

 ขยายเครือข่ายครอบคลุมกว่า 300 จุดชาร์จทั่วไทย (อัปเดตปี 2025)

จากจุดเริ่มต้นในปี 2021 ด้วยเป้าหมายเพียงไม่กี่จุดในกรุงเทพฯ ปัจจุบัน EVOLT มีสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 300 จุด ทั่วประเทศ โดยเน้นทำเลที่เข้าถึงง่าย เช่น:

  • ห้างสรรพสินค้า
  • อาคารสำนักงาน
  • คอนโดมิเนียม
  • พื้นที่เชิงพาณิชย์
  • โรงแรม และจุดพักรถบนทางหลวง

EVOLT ยังเน้นการขยายเครือข่ายในพื้นที่หัวเมืองรอง เช่น ขอนแก่น อุดรธานี เชียงใหม่ หาดใหญ่ และภูเก็ต เพื่อให้การเดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้าในระยะไกลทำได้อย่างสบายใจ

 รองรับกำลังไฟสูงสุด 150kW ชาร์จไวทันใจ

สถานีของ EVOLT รองรับการชาร์จทั้งแบบ:

  •  AC Type 2
  •  DC CCS Combo 2
  •  DC CHAdeMO

โดยสถานี DC รองรับกำลังไฟสูงสุดถึง 150 kW สามารถชาร์จรถ EV ขนาดกลางได้ถึง 80% ภายในเวลาเพียง 20-30 นาที เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาจำกัด หรือกำลังเดินทางไกล

EVOLT Application – สะดวกทุกขั้นตอนการชาร์จ

EVOLT พัฒนาแอปพลิเคชันที่ใช้งานง่าย รองรับทั้ง iOS และ Android เพื่อให้ผู้ใช้ควบคุมทุกอย่างได้ผ่านมือถือ ไม่ว่าจะเป็น:

  •  ค้นหาสถานี EVOLT ที่ใกล้ที่สุดแบบเรียลไทม์
  •  ดูสถานะหัวชาร์จ (ใช้งาน/ว่าง)
  •  เริ่ม–หยุดการชาร์จจากแอป
  •  เติมเงินเข้า Wallet และชำระค่าบริการ
  •  ตรวจสอบประวัติการชาร์จย้อนหลัง

แอป EVOLT ยังรองรับการแสดงพิกัดของสถานี พร้อมนำทางผ่าน Google Maps และมีการแจ้งเตือนสถานีที่กำลังมีโปรโมชั่นลดราคาค่าชาร์จ

 ค่าบริการชาร์จไฟ – เริ่มต้นที่ 8 บาท/หน่วย

ค่าบริการของ EVOLT (อัปเดตปี 2025):

  •  อัตราเฉลี่ย 8 บาท/หน่วย (kWh) สำหรับหัวชาร์จ DC
  •  ไม่มีค่าแรกเข้า ไม่มีค่าธรรมเนียมรายเดือน
  •  มีระบบเติมเงินแบบ Prepaid ผ่านแอป

ตัวอย่างการใช้งาน:

รถยนต์ไฟฟ้าที่มีแบตเตอรี่ขนาด 50 kWh หากชาร์จเต็ม 100% จะเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 400 บาท ซึ่งถือว่าคุ้มค่ามากเมื่อเทียบกับค่าน้ำมันที่อาจสูงถึง 1,000 บาทต่อครั้ง

 

 โซลูชันชาร์จครบวงจร สำหรับธุรกิจและองค์กร

นอกจากผู้ใช้ทั่วไปแล้ว EVOLT ยังให้บริการโซลูชันการติดตั้งสถานีชาร์จในรูปแบบ B2B สำหรับ:

  • โรงแรม / รีสอร์ต
  • โครงการบ้านจัดสรร / คอนโดมิเนียม
  • ศูนย์การค้า / อาคารสำนักงาน
  • อู่หรือโชว์รูมรถยนต์ไฟฟ้า

โดยทีมงานของ EVOLT มีประสบการณ์การติดตั้งสถานีชาร์จในหลายขนาด ตั้งแต่ระบบชาร์จ AC สำหรับคอนโด ไปจนถึงระบบ DC Fast Charge สำหรับฟลีทรถยนต์ขององค์กร

จุดเด่นของ EVOLT Charging Station ปี 2025

  •  ครอบคลุม มากกว่า 300 จุด ทั่วประเทศไทย
  •  รองรับหัวชาร์จ AC-Type 2, DC CCS Combo 2, DC CHAdeMO
  •  ชาร์จเร็วด้วยกำลังไฟสูงสุด 150 kW
  •  ใช้งานง่ายผ่านแอป EVOLT ทั้ง iOS / Android
  •  อัตราค่าชาร์จเฉลี่ย 8 บาท/หน่วย ไม่มีค่าธรรมเนียมรายเดือน
  •  มีบริการสำหรับติดตั้งสถานีชาร์จในองค์กร และโครงการที่อยู่อาศัย

ในอนาคต EVOLT ยังมีแผนขยายจุดชาร์จอีกหลายร้อยแห่งทั่วประเทศ พร้อมพัฒนาแพลตฟอร์มให้รองรับการเชื่อมต่อกับ EV Ecosystem อื่น ๆ เช่น Smart Parking, ระบบจองหัวชาร์จล่วงหน้า และระบบชำระเงินแบบ Subscription เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ล้ำหน้ากว่าสำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย

 
สรุปข้อมูลสถานีชาร์จไฟฟ้า

ปัจจุบันรถยนต์ EV หรือรถยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะช่วยลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงและช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าแล้ว ยังเป็นพลังงานสะอาดที่ไม่ปล่อยมลพิษ และเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดภาวะโลกร้อนอีกด้วย แต่ผู้ที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าก็ยังมีความกังวลใจเกี่ยวกับการขับรถระยะทางไกล ๆ หรือกังวนว่าแบตเตอรี่หมด จะมีสถานีชาร์จตามรายทางหรือไม่ ด้วยเหตุนี้ การวางแผนการเดินทางและตรวจเช็กสถานีรถไฟฟ้าจึงมีความสำคัญและจำเป็น มากโดยจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่ขับขี่ดังต่อไปนี้

     • ช่วยให้ผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว โดยสถานีชาร์จไฟส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณถนนสายหลัก ทำให้สามารถแวะเข้าสถานีชาร์จได้ง่าย ไม่ต้องขับรถออกนอกเส้นทาง

     • ลดความเสี่ยงที่ผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าจะแบตเตอรี่หมดกลางทาง หากว่ามีการวางแผนชาร์จไฟ จะช่วยให้เราสามารถขับรถถึงจุดหมายได้แบบสบาย ๆ โดยการแวะชาร์จไฟเพียงไม่กี่ครั้ง ไม่แตกต่างจากการเติมน้ำมันเลย

     • ส่งเสริมให้คนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น เป็นการลดความกังวลเรื่องแบตเตอรี่หมดระหว่างทาง เมื่อต้องเดินทางในระยะไกล ๆ หรือไม่ได้ชาร์จไฟเต็มความจุมาจากบ้าน

     • ช่วยลดมลพิษทางอากาศและสิ่งแวดล้อม การมีสถานีชาร์จรถไฟฟ้าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนที่ต้องการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า เมื่อมีผู้ใช้มากขึ้นก็จะช่วยลดมลพิษและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

 

เรียนรุ้เรื่องการชาร์จไฟฟ้าเพิ่มคลิกเลย : 1.การชาร์จไฟฟ้าผ่าน Home Charger 
2. การชาร์จไฟ  ผ่านสถานีชาร์จไฟ


ช่องทางการติดต่อจองเช่ารถไฟฟ้ากับเรา 

• ไลน์ : @exclusivecar

• เบอร์ : 02-1260718

• เว็บไซต์ : https://www.exclusive.co.th/service/ev

• อีเมล : info@exclusive.co.th

Tag :
เช่ารถไฟฟ้า
ev
รถไฟฟ้า
สถานีชาร์จไฟฟ้า

พื้นที่ให้บริการของเรา

Copyright ©2025 All rights reserved | Exclusive.co.th
Exclusive