บทความ - รถยนต์ไฟฟ้า นวัตกรรมเปลี่ยนโลกยานยนต์



นวัตกรรมเปลี่ยนโลกยานยนต์อย่าง รถยนต์ไฟฟ้า จะทำให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น น่าสนใจอย่างมาก

Share :

รถยนต์ไฟฟ้า นวัตกรรมเปลี่ยนโลกยานยนต์



รถยนต์ไฟฟ้า นวัตกรรมเปลี่ยนโลกยานยนต์

ช่วงนี้กระแสรถยนต์สายพันธุ์ใหม่อย่างรถยนต์ไฟฟ้ากำลังได้รับความนิยมและเติบโตในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นนวัตกรรมยานยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผลิตแต่พลังงานสะอาด และสามารถขับไปไหนก็ได้เช่นเดียวกับรถทั่วไป มีบริษัทหลายเจ้าที่กำลังแข่งขันกันผลิตรถยนต์ไฟฟ้าออกสู่ตลาดมากมาย แล้วเจ้ารถยนต์ไฟฟ้านี่มันคืออะไรกันแน่นะ มันมีอะไรดีมากกว่ารถยนต์ทั่วไปที่ใช้น้ำมันหรือแก๊สตรงไหน เราจะไปหาคำตอบกัน และสำหรับใครก็ตามที่จะไปเที่ยวหรือทำธุระที่ไหนก็ตาม แล้วอยากจะเช่ารถเบนซ์หรูๆสักคัน ขอให้คิดถึง ECOCAR rent-a-car บริษัทในเครือของ Exclusive ด้วยการจองรถออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่นี่เลยนะ เช่ารถเบนซ์ราคาถูก

ยังมีนวัตกรรมรถยนต์ไร้คนขับอีกด้วยนะ ลองคลิกไปอ่านดูที่ รถยนต์ไร้คนขับ นวัตกรรมเปลี่ยนโลกยานยนต์

รถยนต์ไฟฟ้า คืออะไร

รถพลังงานไฟฟ้า (electric vehicle-EV) คือรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าโดยใช้พลังงานไฟฟ้าซึ่งเก็บอยู่ในแบตเตอรี่หรืออุปกรณ์เก็บพลังงานไฟฟ้าแบบอื่นๆ และด้วยข้อดีของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้แรงบิดได้ทันทีทำให้รถพลังงานไฟฟ้ามีอัตราเร่งที่เรียบและรวดเร็ว

รถพลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกๆ ปรากฏในคริสต์ทศวรรษ 1880 รถพลังงานไฟฟ้าเคยได้รับความนิยมในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษ 20 จนกระทั่งความก้าวหน้าเกี่ยวกับเครื่องยนต์สันดาปภายใน และการผลิตยานพาหนะเป็นจำนวนมาก จะทำให้การใช้ยานพาหนะขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าลดน้อยลง วิกฤตพลังงานในคริสต์ทศวรรษ 1970 และ 1980 ทำให้เกิดความสนใจในรถพลังงานไฟฟ้าในช่วงสั้นๆช่วงหนึ่ง แม้ว่ารถยนต์เหล่านั้นจะไม่สามารถแตะขั้นตลาดหลัก แต่สามารถทำได้ในศตวรรษที่ 21 ตั้งแต่ ค.ศ. 2008 การฟื้นฟูการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้เกิดขึ้น เนื่องจากแบตเตอรี่และการจัดการพลังงานมีความเจริญก้าวหน้าขึ้นมาก การขึ้นราคาของน้ำมัน และความต้องการลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจก รัฐบาลในหลายประเทศได้ออกเครดิตภาษี เงินสนับสนุน และสิ่งจูงใจอื่นๆ เพื่อสนับสนุนการเปิดตัวและประยุกต์ใช้ในตลาดหลักของยานพาหนะพลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ โดยขึ้นกับขนาดของแบตเตอรี่ และพิสัยของการใช้ไฟฟ้าล้วนของตัวรถยนต์

ข้อดีของรถพลังงานไฟฟ้าที่เหนือกว่าเครื่องยนต์สันดาปภายในรวมถึงการลดการใช้มลพิษทางอากาศ เพราะมันไม่ปล่อยไอเสียมาจากท่อไอเสียในหลายกรณี การลดแก๊สเรือนกระจกโดยรวมเป็นจำนวนมากและการปล่อยควัน (ขึ้นกับเชื้อเพลิงที่ใช้ผลิตไฟฟ้า) และใช้น้ำมันน้อยลง ซึ่งเป็นสาเหตุให้คำนึงถึงราคาน้ำมันอ่อนตัวและอุปทานหยุดชะงักในหลายประเทศ แต่การประยุกต์ใช้รถพลังงานไฟฟ้าอย่างแพร่หลายต้องประสบกับอุปสรรคและข้อจำกัดมากมาย เช่น ราคาที่สูงกว่า ขาดโครงสร้างพื้นฐานสำหรับชาร์จพลังงาน (นอกจากการชาร์จตามที่อยู่อาศัย) และความกังวลพิสัย (ความกลัวที่เกิดในคนขับว่าพลังงานไฟฟ้าที่เก็บในแบตเตอรี่จะหมดก่อนจะถึงที่หมาย เนื่องจากพิสัยที่มีจำกัดในรถพลังงานไฟฟ้า)

ข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้า

1. ความเงียบและอัตราเร่งที่ได้ดั่งใจ
รถยนต์ไฟฟ้าใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่สู่มอเตอร์เพื่อทำการขับเคลื่อน โดยที่ไม่ได้ใช้เครื่องยนต์สันดาป ภายในจึงไม่ก่อให้เกิดการเผาไหม้ ทำให้เสียงของการทำงานของรถยนต์ไฟฟ้านั้นเงียบกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงหลายเท่า และสามารถทำให้มีอัตราเร่งเป็นอย่างที่ใจต้องการ เพราะไม่มีขั้นตอนการทดเกียร์อีกต่อไป จึงทำให้สามารถตอบสนองในการขับขี่ได้ตามความต้องการของผู้ขับ

2. ประหยัดค่าใช้จ่ายและค่าซ่อมบำรุง
รถยนต์ไฟฟ้าจะช่วยคุณประหยัดเงินค่าน้ำมันและค่าซ่อมบำรุง เพราะใช้พลังงานไฟฟ้ามาแทนที่น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีราคาสูง เช่นเดียวกันกับค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงรถยนต์ไฟฟ้า ที่จะมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาน้อยกว่า เพราะ ไม่มีเครื่องยนต์ และไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง จึงทำให้การดูแลรักษาเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาในการนำรถยนต์ไปเข้ารับการบำรุงรักษาบ่อยๆ

3. ไม่ต้องเสียเวลาไปปั๊มน้ำมันเพราะสามารถชาร์จแบตได้ที่บ้าน
การต่อคิวเพื่อเติมน้ำมันเชื้อเพลิงยังคงเป็นปัญหากวนใจหลายคน แต่รถยนต์พลังงานไฟฟ้านั้น สามารถชาร์จแบตได้ที่บ้าน ซึ่งสามารถชาร์จได้ระหว่างที่นอนหลับ เมื่อตื่นเช้ามารถก็จะอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ไม่ต้องกังวลเรื่องการเสียเวลาที่สถานีบริการน้ำมันอีกต่อไป

รถยนต์ไฟฟ้า มีระบบการทำงานแบบไหนบ้าง

1. รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (HEV)
รถยนต์ไฟฟ้าระบบไฮบริด หรือ Hybrid Electric Vehicle (HEV) มีรูปแบบการทำงานที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงผสมกับพลังงานไฟฟ้า โดยยังคงใช้เครื่องยนต์หลักดั้งเดิมในการขับเคลื่อน แต่จะมีมอเตอร์และแบตเตอรี่ที่จะช่วยให้รถยนต์สามารถวิ่งได้ด้วยการใช้ไฟฟ้าประมาณ 2-3 กิโลเมตร โดยเครื่องยนต์หลักที่ใช้จะทำงานผสมผสานกับระบบมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน ซึ่งระบบจะเลือกทำงานเองโดยอัตโนมัติ โดยมอเตอร์จะช่วยออกตัวด้วยระบบไฟฟ้า ก่อนที่เครื่องยนต์จะทำงานต่อ ทั้งนี้หากเมื่อรถติด หรือรถหยุดนิ่ง ถ้ารถมีแบตเตอรี่มากพอ เครื่องยนต์จะดับ แล้วดึงไฟจากแบตเตอรี่มาใช้ในอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ไฟหน้ารถ แอร์รถยนต์ เครื่องเสียง เป็นต้น

2. รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV)
มาต่อกันที่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าระบบ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด หรือ Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV) ซึ่งเป็นรถยนต์ประเภทหนึ่งของไฮบริด ที่ผสานเครื่องยนต์เบนซินหรือดีเซลกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่ชาร์จไฟได้ โดยการเสียบปลั๊กไฟฟ้าที่อยู่ในบ้านหรือที่สถานีชาร์จไฟ ใช้เวลาชาร์จประมาณ 4-6 ชั่วโมงจนแบตเตอรี่เต็ม ซึ่งช่วยให้รถยนต์สามารถวิ่งได้โดยใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่อย่างเดียว ประมาณ 20-50 กิโลเมตร โดยไม่ต้องใช้น้ำมันเลย แต่ทั้งนี้ก็สามารถกลับมาใช้ระบบไฮบริดที่ใช้ทั้งน้ำมันและไฟฟ้าได้เช่นกัน

3. รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV)
สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% หรือ Electric Vehicle (EV) จะใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว ไม่มีเครื่องยนต์ระบบสันดาปภายในไว้ใช้งาน จึงไม่มีการปล่อยไอเสียและไม่สร้างมลพิษ ซึ่งสามารถชาร์จไฟได้สม่ำเสมอเมื่อแบตเตอรี่หมด ผ่านทางที่ชาร์จภายในบ้านหรือสถานีชาร์จไฟ โดยใช้เวลาประมาณ  6-8 ชั่วโมงในการชาร์จปกติ หรือ 2-4 ชั่วโมงในการชาร์จผ่านแทนชาร์จเร็ว ทั้งนี้รถยนต์ไฟฟ้าจะมีองค์ประกอบหลักๆ ได้แก่ แบตเตอรี่ มอเตอร์ขนาดใหญ่ และอุปกรณ์แปลงกระแสไฟฟ้า โดยตัวแปลงจะดึงพลังงานจากแบตเตอรี่ไปเป็นพลังงานไฟฟ้ากระแสสลับและส่งต่อไปยังมอเตอร์เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อน สามารถทำให้รถวิ่งได้อย่างน้อย 300 กิโลเมตรขึ้นไป

4. อี–พาวเวอร์ (E-Power)
เทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ เป็นเทคโนโลยีที่ถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นโดยค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่อย่างนิสสัน ซึ่งมีการผสมผสานการทำงานระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้า และระบบเครื่องกำเนิดไฟฟ้า โดยหลักการง่ายๆ ของระบบอี-พาวเวอร์ ค่อนข้างคล้ายกับระบบไฮบริด คือประกอบด้วย เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ต่างกันที่ อี-พาวเวอร์ จะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า โดยมีเครื่องยนต์ขนาดเล็กทำหน้าที่ปั่นกระแสไฟฟ้าเก็บไว้ที่แบตเตอรี่และส่งพลังงานไปยังมอเตอร์ไฟฟ้า ขณะที่ไฮบริดขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์โดยมีมอเตอร์ไฟฟ้าค่อยสนับสนุน อีกทั้งยังต่างกับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ตรงที่ไม่ต้องเสียบปลั๊กชาร์จไฟ เพียงแค่เติมน้ำมันก็สามารถใช้งานได้เหมือนรถยนต์ทั่วไปแล้ว

5. รถพลังงานไฮโดรเจน  (Fuel Cell)
ปิดท้ายกันที่รถยนต์ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจน หรือรถยนต์ Fuel Cell ซึ่งถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้าประเภทหนึ่งเช่นกัน เพราะมีการใช้ไฮโดรเจนที่เป็นพลังงานสะอาด มาแปลงเป็นกระแสไฟฟ้าแล้วนำไปขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าให้รถยนต์สามารถวิ่งได้ โดยในโครงสร้างจะมีแผงเซลล์เชื้อเพลิงที่เก็บไฮโดรเจนในรูปแบบของเหลว มอเตอร์ไฟฟ้าที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนและชาร์จกระแสไฟฟ้า และแบตเตอรี่ ซึ่งหลักการทำงานของรถยนต์ระบบนี้ จะมีการส่งไฮโดรเจนและอากาศที่มีออกซิเจนเข้าไปสู่แผงเซลล์เชื้อเพลิงเพื่อทำปฏิกิริยาการสร้างกระแสไฟฟ้าเข้ามาเก็บในแบตเตอรี่ จากนั้นกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ก็จะถูกส่งไปที่มอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อใช้ในการขับเคลื่อนรถยนต์ต่อไป

แล้วนี่ก็คือเรื่องราวของรถยนต์ไฟฟ้าที่นำเสนอไปวันนี้ เป็นอย่างไรกันบ้าง น่าสนใจเลยใช่ไหม และสำหรับใครก็ตามที่อยากจะขับรถเบนซ์หรูๆสำหรับซ้อมก่อนจะขับรถยนต์ไฟฟ้าของจริง ขอให้คิดถึง เช่ารถเบนซ์ กับ Exclusive ไว้ในใจเลยนะ รถเบนซ์ของเราราคาเริ่มต้นที่ 7490 บาทต่อวัน เป็นรถที่มีคุณภาพดี อายุใช้งานไม่ถึง 5 ปี มีประกันภัยชั้นหนึ่งให้ กับน้ำมันเต็มถัง ไม่จำเป็นต้องขับไปเขาใหญ่อย่างเดียว แต่สามารถขับไปเที่ยวได้ทั่วไทยเลย นอกจากจะขับเองแล้วก็ยังมีเช่าพร้อมคนขับด้วยนะ มีทั้งเช่ารายวันและเช่ารายเดือน มีแม่แรงและยางอะไหล่พร้อมเปลี่ยน และที่สำคัญคือสามารถจองรถแบบออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมงด้วยนะ

Created : 05-01-2021

บทความที่น่าสนใจ

เปรียบเทียบรถตู้ Commuter VS รถตู้ H-1 รุ่นไหนดีกว่ากัน

รถเบนซ์มาใหม่ 2020 รุ่นและราคาน่า ต้องหาซื้อให้ได้แล้ว